ใกล้จะถึงวันรื่นเริงอีกวันแล้ว นั้นก็คือประเพณีวันลอยกระทง โดยประเพณีนี้จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งมักตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12  สำหรับในปี 62 นี้วันลอยกระทงตรงกับวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ประเพณีลอยกระทงเป็นนำดอกไม้ ธูปเทียน มาทำเป็นกระทงแพ เพื่อลอยน้ำ ว่ากันว่าเป็นพิธีกรรมขอขมาและขอบคุณพระแม่คงคา บางคนก็มีความเชื่อที่ว่าเป็นการลอยเอาความทุกข์โรคภัยต่างๆให้ไหลไปตามแม่น้ำ ประเพณีลอยกระทงนั้น ไม่ได้มีแต่ในไทยเท่านั้นประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย จีน ลาว พม่า กัมพูชา ก็มีการลอยกระทงเหมือนกับบ้านเราเหมือนกัน เพียงแต่แตกต่างกันในเรื่องของความเชื่อว่าลอยกระทงเพื่ออะไร  ประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่โบราณกาล เป็นกิจกรรมที่ทำสืบทอดต่อๆกันมาทุกปี

          รู้หรือไม่ว่า ตั้งแต่โบราณมาทำไมกระทงส่วนใหญ่จึงเป็นรูปดอกบัว มีการหาข้อมูลในหนังสือตำนานนางนพมาศ พบว่าในวันเพ็ญเดือนสิบสองพระร่วงเสด็จประพาสน้ำในเวลากลางคืนและมีพระสนมตามไปด้วยแล้วพระร่วงได้สั่งให้พระสนมทำกระทงมาลอยน้ำและพระสนมเอกทำกระทงเป็นรูปดอกบัวกมุทซึ่งเป็นดอกบัวที่บานในเวลากลางคืน จึงทรงรับสั่งว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวันทุกวันเพ็ญเดือน 12 กำหนดเป็นวันนักขัตฤกษ์ให้นำโคมลอยรูปดอกบัว มาสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที

ดังนั้นเราจึงเห็นกระทงเป็นรูปคล้ายดอกบัวตั้งแต่นั้นมา  แต่ ณ ปัจจุบันมีการดัดแปลงกระทงให้มีรูปแบบต่างๆ เพื่อให้มีความหลากหลาย และอุปกรณ์ที่ใช้ทำกระทงก็มีการนำวัสดุอื่นๆมาทำแทนกระทงรูปแบบเดิม จากเดิมเราใช้ใบตอง ยวกกล้ายมาทำ ปัจจุบันมีการ นำทั้งอาหารปลาที่มีหลายสีสัน หรือกรวยไอศกรีม หรือแม้แต่ขนมปังมาทำเป็นกระทง เพื่อต้องการให้รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะหลายครั้งที่พอผ่านพ้นวันลอยกระทงไปแล้ว จะมีขยะเป็นจำนวนมากที่จะต้องจัดการ จึงได้มีการคิดค้นกระทงที่สามารถย่อยสลายเองได้

เพื่อให้เป็นอาหารปลาแทนกระทงหยวกกล้วย แต่หลังจากทดลองใช้กระทงอาหารปลา หรือกระทงขนมปังแล้ว ก็ยังพบปัญหาน้ำเน่าเสีย เนื่องจากกระทงมีปริมาณมาก เกินกว่าปลาจะทานหมด ทำให้เมื่อขนมปังย่อยสลายลงน้ำจึงเกิดปัญหาน้ำเน่าเสียมีกลิ่นเหม็นตามมา 

        ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับวันลอยกระทงมีหลายตำนานจากหลายประเทศ แต่ตำนานของไทยนั้นมีการกล่าวไว้ว่า ต้นกำหนดของการลอยกระทงมาจากศาสนาพุทธ โดยก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมีการตรัสรู้ ได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใกล้แม่นำเนรัญชรา  พระนางสุชาดา ได้นำข้าวกวนใส่ถาดทองมาถวาย เมือพระพุทธเจ้าเสวยเสร็จ ก็ทรงตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าหากพระองค์จะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำ และด้วยบุญบารมีของพระองค์ ถาดได้ลอยทวนน้ำจริงๆ โดยลอยไปจนถึงสะดือทะเล แล้วก็จมไปถูกหางของพญานาค

เมื่อพญานาคเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจึงประกาศก้องว่า บัดนี้ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นบนโลกอีกองค์แล้ว หลังจากนั้นทุกปี พระนางสุชาดาก็จะนำเครื่องหอม ดอกไม้มาใส่ถาดลอยน้ำเพื่อเป็นการนมัสการพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ต่อมาจึงได้หลายมาเป็นประเพณีวันลอยกระทง

รู้หรือไม่วันลอยกระทงเกิดขึ้นได้อย่างไร