ซึ่งถ้าหากเผื่อว่ากันไปตามพระคัมภีร์เก่าของคริสตศาสนาเขาได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าคนชาวคริสต์จะต้องไม่บูชารูปเคารพใดๆพระคัมภีร์เก่าได้บอกว่า พระเจ้าไม่ชอบสิ่งเหล่านี้การเป็นรูปเคารพเป็นสิ่งที่ผิดบาปจะทรงทำลายเสียแต่ในยุคที่Martin Lutherใช้ชีวิตอยู่นั้นก็คือปลายยุคของเรเนซองส์ศิปละเกี่ยวกับศาสนานี่คือแทบจะเป็นนิยามของยุคสมัยเลยทีเดียวMartin Lutherจึงเขียนแถลงการณ์95ข้อเกี่ยวกับความไม่ถูกต้องของศาสนจักรคาทอลิกแล้วก็ไปตอกไว้ที่ประตูโบสถ์

ผลปรากฏว่าMartin Lutherได้ถูกศาสนจักรคาทอลิกเนรเทศแล้วก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเลยยังดีที่ยังได้มีเจ้านายที่เยอรมันรับตัวไว้อุปถัมภ์

แม้ว่าจะถูกขับออกจากศาสนจักรแต่ก็ยังได้มีคนที่เขานั้นได้เห็นด้วยกับนายMartin Lutherไม่น้อยแนวคิดแบบโปรเตสแตนต์ได้รับความนิยมและแพร่ขยายไปในยุโรปเหนือตั้งแต่เยอรมัน สแกนดิเนเวียและก็ดินแดนแถบฝั่งทะเลบอลติกด้วยความที่ไม่เห็นด้วยกับการมีรูปเคารพแล้วก็ไม่อินกับทุนนิยมในศาสนาและเน้นการศึกษาพระคัมภีร์ความเป็นโปรเตสแตนต์

จึงหมายถึงความเรียบง่ายไม่หรูหราไม่มีพิธีรีตองMartin Lutherเป็นคนแรกที่แปลพระคัมภีร์จากภาษละตินมาเป็นภาษาเยอรมันนี่คือการดึงอำนาจจากพระมาสู่ประชาชนอย่างพลิกฟ้าคว้ำแผ่นดินกันเลยทีเดียวเพราะว่าทำให้ประชาชนสามารถที่จะอ่านพระคัมถีร์เองได้ไม่ต้องให้พระเล่าให้ฟังเรียกได้ว่าเป็นการตัดตัวกลางออกเราสามารถติดต่อทำความเข้าใจกับพระเจ้าได้

โดยที่ไม่ต้องมีคนมาคอยพูดแทนสิ่งนี้ทำให้ทำให้ศาสนจักรดั่งเดิมได้เสียรังวัดไปเยอะมากหลังจากการแยกตัวที่ได้สร้างความสั่นคอนเป็นอย่างมากทีแรกนั้นศาสนจักรคาทอลิกก็เลยพยายามที่จะแก้เกมโดยการลดความหรูหราลงก็คือการทำตัวให้เรียบง่ายมากยิ่งขึ้นไม่เยอะเกินไปและพยายามที่จะบอกกับทุกคนว่าเราก็ไม่ได้เยอะจริงๆเราก็ไม่ได้เรียบง่ายมินมอลได้เหมือนกัน 

การลดความเยอะของศาสนจักรคาทอลิกด้วยการมินิมอลลงแบบนี้ก็เป็นที่ถูกใจเหล่านักวิชาการนักคิดและนักเขียนและผู้คนที่ถือศาสนาก็ชอบกันมากเพราะสิ่งที่Martin Lutherพูดก็ได้ทำให้พวกนี้สั่นคอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกันแต่ว่าความมินิมอลนี้ไม่ได้ช่วยให้ศาสนจักรได้รับความนิยมมากขึ้นกับคนหมู่มากไม่อินกระแสไม่มาคนก็เฉยๆเข้าโหวตกันตามหน้าที่

ซึ่งพวกเขานั้นไม่ได้รู้สึกว่ามีความตื่นเต้นหรือว่าเต็มใจที่จะมาโบสถ์และนี่ก็คือที่มาของการปรับเปลี่ยนในแนวทางของศาสนจักรของคาทอลิกเพื่อที่พวกเขานั้นจะได้เรียกความนิยมกลับคืนมานั่นเอง

ประวัติศาสตร์ของศาสนจักรคาทอลิก