ตำนานพระนางเลือดขาวเป็นตำนานที่เล่าต่อกันมาหลายชั่วอายุคนเป็นตำนานที่เกิดขึ้นที่เกาะลังกาวีซึ่งเกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศมาเลเซียในปัจจุบันอย่างไรก็ตามตำนานแห่งนี้มีอายุมากกว่า 200 ปีมาแล้ว

ซึ่งเป็นตำนานที่เกี่ยวพันธุ์กับคนไทยโดยในเรื่องนั้นมีอยู่ว่าคู่สามีภรรยาชาวไทยคู่หนึ่งมีฐานะยากจน เขามี ลูกสาวคนหนึ่งชื่อว่ามัสสุรีซึ่งในช่วงที่มีการท้อมัสสุรีนั้นมีหมอดูทักว่ามักกะลีนั้นเป็นเด็กที่มีบุญญาธิการสองสามีภรรยาเห็นว่าอยู่กินที่จังหวัดภูเก็ตนั้นคงจะไม่ร่ำรวยจึงได้ขายทรัพย์สินและซื้อเรือซื้อสินค้าเพื่อหวังจะเอาไปขายที่เกาะปีนังระหว่างที่เดินทางอยู่นั้น

เกิดพายุทำให้เรือล่มพ่อกับแม่ของมัสสุหรีด้วยอธิษฐานว่าหากว่ามัสสุหรี แนนเป็นคนที่มีบุญญาธิการจริง ก็ขอให้เด็กหญิงมัสสุหรีนั้นรอดชีวิตซึ่งคำอธิษฐานนั้นเป็นจริงทั้ง 3 คนรอดชีวิตโดยไปติดเกาะแห่งหนึ่งซึ่งก็คือเกาะลังกาวีนั่นเองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งสามคนก็อยู่บนเกาะเดินไปอาศัยอยู่ตรงบริเวณป่ากลางเกาะต่อมาไม่นานที่เกาะลังกาวีเกิดอาเพศ

ไม่มีน้ำกินเด็กหญิงมัสสุหรีจึงได้อธิษฐาน ว่าถ้าตอนนั้นมีบุญญาธิการขอให้หาตาน้ำเจอซึ่งในที่สุดเด็กหญิงมัสสุหรีก็เป็นคนที่เจอแหล่งน้ำ โดยเธอไม่ได้ใช้น้ำนี้แค่เพียงคนเดียวแต่เธอให้พ่อของเธอนั้นไปเรียกชาวบ้านให้มาใช้นามนี้ได้ซึ่งน้ำที่พระนางมัสสุหรี หาเจอนี้หากใครไม่สบายเมื่อวานกินน้ำนี้ก็จะหายทันทีทำให้พระนางมัสสุหรี

มีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องของความมีเมตตาที่สำคัญไม่ว่าใครที่มีฐานะยากจนหรือว่าเป็นขอทานทางเดินผ่านมาที่บ้านของพระนางมัสสุหรี แล้วนางจะเลี้ยงดูด้วยการนำอาหารมาให้และพูดคุยด้วยดีเสมอจนชื่อเสียงของพระนางนั้นโด่งดังไปทั่วทั้งเกาะยิ่งโตขึ้นพระนางก็ยิ่งมีความงดงามเป็นอย่างมากซึ่งเรียกได้ว่างานที่สุดในเกาะลังกาวีเลยก็ได้จนชื่อเสียงของพระนางล่วงรู้ไปถึงหูของวันดารุส ซึ่งเป็นพระโอรสของเจ้าผู้ครองเกาะลังกาวีพระองค์ได้มาทดสอบว่าพระนางมัสสุหรี

จะดีจริงอย่างที่ชาวบ้านร่ำลือหรือไม่ซึ่งพระองค์ได้ปลอมตัวเป็นขอทานและก็ถูกปฏิบัติตัวอย่างดีเสมอมาโดยพระนางมัสสุหรี ก็จะต้อนรับขับสู้หาข้าวหาน้ำมาให้กินซึ่งพระเจ้าวันดารุสต้องปลอมตัวเป็นขอทานมาหลายรอบจนมั่นใจในความดีของพระนางมัสสุหรี แล้วพระองค์ก็ตกหลุมรักพระนางมัสสุหรีจึงได้ให้แม่มาสู่ขอ

แต่เนื่องจากแม่ของพระองค์นั้นไม่ชอบพระนางมัสสุหรี เพราะรู้ว่าเป็นคนไทยและเป็นคนยากจนพระองค์จึงขัดขวางเรื่อยมาแต่ในที่สุดพระเจ้าวันดารุสก็ขู่ฆ่าตัวตายหากแม่ไม่ยอมมาขอพระนางมัสสุหรี  ให้ ทำให้แม่ของพระเจ้าวันดารุสจำใจต้องมาขอให้แต่งงานแต่หลังจากแต่งงานไปแล้วแม่ของพระเจ้าวันดารุสก็หาเรื่องกันแกล้งพระนางมัสสุหรี อยู่เสมอจนมีอยู่มาวันหนึ่งขณะที่พระเจ้าวันดารุสงั้นไปออกรบปล่อยให้พระนางมัสสุหรีอยู่กับลูกวัยเพียง 3 เดือนและมีองครักษ์คอยดูแล

จึงเป็นเหตุผลให้แม่ของพระเจ้าวันดารุสใส่ร้ายว่าพระนางมัสสุหรี เป็นชู้กับองครักษ์โดยพระนางจับองครักษ์ประหารชีวิต และให้เพชฌฆาตใช้กริชแทงพระนางมัสสุหรี  แต่ไม่ว่าจะใช้ผลิตแทงไปกี่ครั้งก็ไม่สามารถทำอันตรายพระนางได้จนในที่สุดพระนางจึงได้บอกให้ไปเอากิรชที่บ้านซึ่งเป็นกริชประจำตระกูลของพระนางจึงจะสามารถแทงพระนางได้หลังจากนั้นเมื่อเป็นกริชมาจากครอบครัวของพระนางพระนางจึงอธิษฐานก่อนโดนแทงว่าหากพระนางไม่ได้คบชู้ขอให้เลือดที่ไหลออกมานั้น

เป็นสีขาวหลังจากนั้นพระนางก็โดนกริชแทงซื้อเลือดที่ไหลออกมานั้นก็เป็นสีขาวและเรื่องของพระนางนั้นกับพุ่งขึ้นข้างบนไม่ตกลงพื้นในขณะที่พระนางใกล้จะสิ้นลมหายใจนั้นพระนางได้ขอกอดลูกเป็นครั้งสุดท้ายแต่แม่ของพระเจ้าอันดารุสไม่อนุญาตพระนางจึงได้สาปแช่งว่าขอให้ทุกคนที่อยู่บนเกาะลังกาวีนั้น มีแต่ความทุกข์เข็ญชั่วลูกชั่วหลาน 7 ชั่วอายุคนหลังจากนั้นเมื่อพระเจ้าวันดารุสกลับมาจากศึกสงครามเมื่อรู้ว่าพระนาง มัสสุหรี นั้นเสียชีวิตแล้ว

ก็โกรธมารดาของตนเองมากจึงได้พาลูกน้อยวัย 3 เดือนนั้นหนีออกจากเกาะลังกาวีมาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาส่วนพระมารดาของพระองค์นั้นเสียชีวิตแล้วถูกนำไปฝังที่ไหนก็ไม่สามารถฝังลงใต้ผืนดินได้เมื่อนำล่างลงใต้ดินดินก็จะสูงขึ้นดันศพของพระมารดาขึ้นมาทุกครั้งไปแม้จะเปลี่ยนที่ฝังศพแล้วก็ตามจนในที่สุดจึงได้มีการไปบนบานตรงบริเวณสุสานของพระนางมัสสุหรี ว่าขอพื้นที่ในการฝังพระศพของแม่ของพระเจ้าวันดารุสจึงทำให้สามารถฝังศพของแม่พระเจ้าวันดารุสได้แต่เมื่อนำดินไปกลบโลงศพปรากฏว่าดินบริเวณนั้นกลายเป็นสีดำนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนัน ถูกกฎหมาย ใน ประเทศไทย

ตำนานพระนางเลือดขาว