คุณจะรู้หรือไม่ว่าหากว่าบ้านเรานั้นมีอาณาจักรโบราณหรือห้องโถงที่มีมาแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์มาแล้วแต่เราไม่มีโอกาสได้เห็นมันนั้นมันก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่คนเรานั้นมักไม่ค่อยเห็นนั่นก็เป๋นเพราะว่ามันอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้เพราะจะต้องทำการออกสำรวจและค้นหายแหล่งของโบราณต่างๆที่ได้ซ่อนเอาไว้และวันนี้ก็มีเรื่องราวที่สุดตะลึงเอามาให้ชมกัน

ห้องโถงไฮโปเยียม ฮัล ซาฟลลินี

ใครว่าห้องเก็บเสียงนั้นมันจะมีแต่เพียงในยุคปัจจุบันเท่านั้นล่ะ ในด้านก่อนยุคประวิติศาสตร์มันก็มีเหมือนกันสถานที่ที่สุดไฮเทคนั้นคือ ห้องโถงไฮโปเยียม ฮัล ซาฟลลินีศาสตร์สถานที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในใต้ดินได้ถูกค้นพบโดยบังเอิญในปี1902โดยคนงานที่กำลังจะปรับปรุงระบบประปาหลังจากนั้นทางด้านนักโบราณคดีก็ได้เข้ามาสำรวจและได้เปิดทางลงไปที่ข้างด้านล่าง

ก่อนที่จะพบห้องโถงที่มีขนาดใหญ่ข้างใต้ดินได้เชื่อมต่อกันอย่างกับเป็นเขาวงกตด้านบนนั้นได้ถูดตกแต่งเป็นรูปโค้งมีประตูและหน้าต่างแบบทันสมัยเชื่อว่าที่นี้มันอาจจะกลายเป็นศาสตร์สถานมาก่อนเนื่องจากได้เกิดเสียงกล้องและดังไปบริเวณอย่างหน้าพิศวงหลังจากที่ทีมวิจัยไปทดสอบด้วยการวัดความถี่คลื่นเสียงภายในห้องประกอบพิธีกรรมปรากฏว่าในห้องนั้นมีคลื่นความถี่ของเสียงที่ส่งผลต่อการทำงานของมนุษย์

กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสสันและมีผลต่อสภาวะอารมณ์ในขณะนั้นถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเมื่อ5,000ปีแล้วมนุษย์นั้นสามารถสร้างห้องเก็บเสียงแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไรแต่นี้ก็เป็นการท้าทายที่สำคัญ  เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์นั้นได้ค้นหาคำตอบกันต่อไป

อาณาจักรมิททานนี ประเทศอิรัก

เรียกได้ว่าเป็นความโชคดีของนักโบราณคดีเลยก็ว่าได้เพราะว่าจู่ๆอารยธรรมที่ได้เสียสาบสูญไปนั้นก็ได้โผล่ออกมาให้เห็นหลังจากที่แม่น้ำไทกริสลดลงหลังจากที่สำรวจก็ได้พบว่าซากดังกล่าวมันอาจจะเป็นอาณาจักรของมิททานนีที่ได้เคยปกครองดินแดนทางตอนเหนือของเมโสโปเตเมียที่ได้หายสาบสูญไปเมื่อ3,400ก่อนคริสตกาล

เมื่อได้ขุดลงไปก็ได่ค้นพบกับห้องภาพจิตรกรรมฝาผนังสไตล์คนตะวันตกแผ่นดินเหนียวจารึกอักษรคูนิฟอร์มราวๆประมาณ10กว่าแผ่นรวมไปถึงซากของปราสาทที่มีความสูงราวๆ7เมตรคาดว่าในอดีตตามตำนานจึงสามารถที่จะมองเห็นภูเขาสูงลูกนี้ได้และส่วนสาเหตุที่ล้มสลายคาดว่ามันหน้าจะเกิดจากศัตรูตัวฉกาจอย่างชาวฮิตไทต์และชาวอัสซีเรีย

ที่ได้มีการบุกเข้ามาโจมตีและได้เข้ามาทำลายเมืองจนพังทลายจนสิ้นซาก เนื่องจากมันเป็นอารยธรรมที่มันได้หายสาบสูญไปเหล่านักโบราณคดีที่ได้ทราบถึงเกี่ยวกับประวัติศษสตร์ที่นี่ซึ่งมันมีน้อยคนมากที่จะรู้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และมันก็ยังมีข้อมูลอีกหลายอย่างอยู่ที่ทำให้มันเป็นปริศนาอยู่และโชคดีที่บริเวณดังกล่าวนั้นได้เกิดภัยแห้งทำให้ได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาและไขความลับของที่นี่ต่อไป

การค้นพบอาณาจักรที่ได้หายสาบสูญ